สารประกอบน้ำตาลที่ฆ่ามะเร็งได้

สารประกอบน้ำตาลที่ฆ่ามะเร็งได้

ใครพอจะมีความคิดที่ว่าเซลล์ของโรคมะเร็งเติบโตในน้ำตาลซึ่งผมเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เขาว่ากันตั้งแต่ราวตอนการพิมพ์งานในปี 1924 ของ ดร. Otto Warburg’s ในสาขานักชีววิทยาด้านเซลล์ แบบทำให้วงการแพทย์ที่วิจัยเรื่องนี้ จำเป็นสร้างสมมติฐานว่าการโตของโรคมะเร็งได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการที่เซลล์ของโรคมะเร็งได้แปลงเดกซ์โทรสเป็นพลังงานจำนวนมาก โดยไม่ใช้อ็อกซิเจน เป็นการรับรองที่น่าแปลกใจเล็กน้อย เพราะเหตุว่าพวกเรารู้ดีว่าเซลล์ที่แข็งแรงสร้างพลังงานโดยการเปลี่ยนกรดชนิดหนึ่ง เมื่อทำการผสมกับอ็อกซิเจนแล้ว ด้านในไมโทคอนเดรียของเซลล์ที่แข็งแรง เนื่องด้วยเซลล์ของมะเร็งไม่ออกซิไดส์กรด Warburg มีความคิดว่าโรคมะเร็งควรจะถูกพินิจพิเคราะห์ ความไม่ปกติสำหรับการปฏิบัติงานของไมโตคอนเดรีย อาจจะดูมีศัพท์ที่ใช้เรียกทางการแพทย์ที่ฟังแล้วไม่คุ้นหูกันหน่อยนะครับ  แต่ว่าไปนี่ไม่ใช่กระบวนการทำงานของโรคมะเร็ง โรคมะเร็งมีเหตุที่เกิดจากการกลายพันธุ์ระดับยีน ดังเช่นว่า ที่เกิดในยีน BRCA1 แล้วก็ BRCA2 แม้ว่าเซลล์ที่แข็งแรงและก็เซลล์ของมะเร็งจะแปลงของกินของมันเป็นพลังงานในหลาย ๆ กระบวนการทำงานของโครงสร้างของเซลล์นั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เราเองก็ไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้ในอดีต โรคนี้จึงเป็นโรคที่น่ากลัวกว่ากลุ่มโรคร้ายแรงอีกหลายโรคเป็นอย่างมาก  จนในยุคปัจจุบันนี้ได้มีผลงานวิจัยของทีมมหาวิทยาลัย Johns Hopkins University กรุ๊ปนักค้นคว้าได้ตั้งมุมมองหลาย ๆ แนวทางสำหรับในการหลอกเซลล์มะเร็งเพื่อให้มันโตช้ามากยิ่งขึ้น และก็ทำให้มันฆ่าตัวมันเองได้ด้วย พวกเขาเรียนเกี่ยวกับขั้นตอนการเพิ่มคาร์โบไฮเดรตในสายโพลีเปปไทด์ที่แตกต่างจากปกติ เป็นเซลล์มะเร็งในน้ำตาลรวมทั้งโปรตีนมาไว้ร่วมกันเพื่อรักษาตัวพวกมันเองไว้ เมื่อเซลล์พวกนี้ได้ถูกให้ บิวทิเลต (เกลือ) กับคาร์โบไฮเดรต (มีน้ำตาล) การเติบโตของพวกมันจะช้าลง สำหรับการตัดทางเดินอาหารของโรคมะเร็งด้วยยาที่เกี่ยวโยงกันนี้เป็นวิธีที่ช้วยฆ่าเซลล์มะเร็งไปในตัว โดยในครั้งนี้ทางนักค้นคว้าได้ผลิตโมเลกุลลูกผสม ที่ทำมาจากน้ำตาลเชิงเดียวแล้วก็ n-butyrate ด้วยเหตุว่าเซลล์ของมะเร็งดูดซับน้ำตาลในทันทีทันใด เซลล์เหล่านี้จะเข้าไปในโมเลกุลใหม่เพื่อทำหน้าที่ในการก่อกวนการทำงานของโครงสร้างรูปแบบใหม่ที่ไม่สามารถจะควบคุมการแตกตัวออกได้จนในที่สุดตัวเซลล์มะเร็งก็จะตายไปในที่สุดแบบที่ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีชนิดใดเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะตัวร่างกายของคนเราเองก็จะไม่สามารถที่จะรับกับสารเคมีเหล่านั่นได้อีกเช่นเดี่ยวกันไปด้วย เพราะในเวลาที่เราให้สารประกอบตัวนี้เข้าไปในกระแสเลือดแล้ว…